R ย่อมาจาก RADIO BLACKOUTS คือ
คือความผิดปกติของคลื่นวิทยุ ที่เกิดจาก เปลวสุริยะ หรือ Solar Flares หมายถึง การปะทุขนาดใหญ่ของการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ที่คงอยู่ได้หลายนาทีจนถึงหลายชั่วโมง การระเบิดออกอย่างทันทีทันใดของพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เดินทางด้วยความเร็วของแสง
ดังนั้นผลกระทบใดๆที่เกิดขึ้นกับด้านที่ได้รับแสงอาทิตย์ของโลก จะพบในเวลาเดียวกับที่สังเกตการณ์ ระดับของการแผ่รังสีเอ็กซ์และอุลตราไวโอเล็ตที่รุนแรงมาก (EUV) เป็นผลให้เกิดการแตกตัวประจุในระดับล่างของชั้นไอโอโนสเฟียร์ในด้านที่ได้รับแสงอาทิตย์ของโลก
ในสภาวะปกติ คลื่นวิทยุความถี่สูง (HF) สามารถสนับสนุนการติดต่อสื่อสารในระยะทางไกล โดยการหักเหในระดับบนของชั้นไอโอโนสเฟียร์ เมื่อเกิดเปลวสุริยะที่มีความรุนแรงมากพอ การแตกตัวประจุในระดับล่าง ที่มีความหนาแน่นมากกว่า ในชั้นไอโอโนสเฟียร์
(D-layer) และคลื่นวิทยุที่ทำปฏิกิริยากับอิเล็กตรอนในชั้นนี้ จะสูญเสียพลังงานเนื่องจากการชนที่เกิดขึ้นบ่อยในสภาพแวดล้อมที่มีความหนาแน่นกว่า ของชั้น D-layer เป็นสาเหตุให้สัญญาณวิทยุความถี่สูงลดคุณภาพลง หรือถูกดูดซับไปทั้งหมด ทำให้เกิดสภาวะ
radio blackout-การขาดหายของการติดต่อด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง ส่งผลกระทบหลักในช่วงคลื่นความถี่ 3-30 MHz D-RAP (การพยากรณ์การดูดซับในบริเวณ D-Region) สัมพันธ์กับความเข้มของเปลว (สุริยะ) ไปจนถึงความสามารถในการดูดซับและแพร่กระจายในชั้น
D-layer
ตารางด้านล่างแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง radio blackouts, เปลวสุริยะ, ระดับค่าฟลักซ์พลังงาน (วัตต์ต่อตารางเมตร) และตัวบอกเหตุการณ์ความรุนแรงที่กำหนด
×
หมายเหตุ : * ค่า Flux วัดในช่วงนาโน 0.1-0.8 nm , W·m (ยกกำลัง 2) ขึ้นอยู่กับมาตรการนี้ แต่มาตรการทางกายภาพอื่นๆ จะถือว่ายังอยู่ในเงื่อนไข
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้แก่
ที่มา : Space Weather Prediction Center, NOAA |
จัดทำโดย : แผนกภูมิอากาศ กขอ.คปอ.